15 พฤศจิกายน 2553

ไอครีม

ice cream

ไอครีมเป็นของหวานยอดนินม ที่คนทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ เพราะกินแล้วมีความสุข รู้สึกสดชื่น

โดยเฉพาะเด็กๆและวัยรุ่น จะชอบกินไอครีมเป็นพิเศษ รสหวานมัน บวกกับเนื้อเนียนนุ่มของไอครีม ที่ละลายเย็นๆในปาก กระตุ้นให้รู้สึกมีความสุขและสดชื่นมากอย่างบอกไม่ถูก ไม่เพียงแต่ในฤดูร้อน
หรือในประเทศเขตร้อนเท่านั้นที่ไอครีมเป็นที่ชื่นชอบในหน้าหนาวและในประเทศที่หนาวจัดมากๆ
อย่างในรัสเซีย คนก็ยังนิยมกินไอครีม ชาวตะวันตกนับแต่สมัยโรมันจนถึงศตวรรษที่ 14-15 ใช้หิมะและ
น้ำแข็งเพื่อแช่ไวน์ให้เย็นในหน้าร้อนเป็นสำคัญ จะมีก็แต่ในเปอร์เซียและตุรกีเท่านั้นที่ใช้หิมะ
และน้ำแข็งมาทำเป็นเครืองดื่มหวานเย็นที่เรียกว่า sharbat หรือ sherbet
ความนิยมกินไอครีมเกิดขึ้นและแพร่หลายไป ตามการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมและ
การค้าไอครีมในตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ทำให้ไอครีมเป็นของซื้อกิน ที่รถเร่
ที่ร้านไอครีม และที่ตู้ไอครีมกล่องหรือไอครีมกระป๋องสารพัดยี่ห้อในซุปเปอร์มาร์เก็ต มากกว่า
จะทำกินเองที่บ้าน น้อยคนที่ทำไอครีมกินเองแม้เพียงแต่คิดก็ยังไม่มี ทั้งๆที่ไอครีมเป็นของที่ทำ
เองได้ง่ายมาก

อย่างไรก็ตามในสังคมตะวันตกปัจจุบัน โดยเฉพาะในสหรู้ฐอเมริกา ได้เกิดกระแสย้อนอดีตหวน
กลับไปหาไอครีมโฮมเมดและปั่นไอครีมกินเองที่บ้านมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ทำกินเอง
ที่บ้านนะง่าย อร่อยได้คุณภาพได้กับสุขภาพ และดีกับครอบครัว มากกว่าชื้อกินเป็นไหนๆ

หิมะและน้ำแข็งมนุษย์ รู้จักเก็บรักษาหิมะและน้ำแข็งธรรมชาติเพื่อมาใช้ประโยชน์แต่ครั้งบุพกาล หลักฐานเก่าแก่ที่ สุด คือ การค้นพบโรงเก็บหิมะและน้ำแข็งในเขตเมโสโปเตเมียซึ่งมีอายุประมาณ 4,000 ปี ในจีนก็พบหลักฐานทำนองเดียวกันนี้ ที่แสดงว่ามีการใช้หิมะและน้ำแข็งมาตั้งแต่ราว 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล คนใบราณเอาหิมะและน้ำแข็งธรรมชาติมาใช้ประโยชน์อะไร เรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบที่สมบูรณ์นัก แต่สรุปได้ว่าคนจีนโบราณใช้หิมะและน้ำแข็งธรรมชาติในการถนอม อาหารสดเป็นหลัก ส่วนชาวตะวันตก นับแต่สมัยโรมันจนถึงศตวรรษที่ 14-15 ใช้หิมะและน้ำแข็งเพื่อ แช่ไวน์ไว้ดื่มเย็นในหน้าร้อนเป็นสำคัญ จะมีก็แต่ในเปอร์เซียและตุรกีเท่านั้นที่ใช้หิมะและน้ำแข็งมาทำ เป็นเครื่องดื่มหวานเย็นที่เรียกว่า sharbatหรือ sherbetอ้างกันว่าชาวเปอร์เซียเนละเติร์กดื่มหรือกินชาร์บาท เพื่อดับกระหายในหน้าร้อนมาช้านาน อย่างน้อยก็ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ice
โรงเก็บน้ำแข็ง หรือ lce house มีมาแต่สมัยโบราณ โรงขนาดใหญ่เก็บน้ำแข็งไว้ขาย แต่ตาม บ้านเศรษฐีและขุนนางก็นิยมมีโรงน้ำแข็งขนาดย่อม เพื่ออำนวยความสะดวกและประดับบารมีของ ตนเช่นกัน โรงขนาดใหญ่มิได้เก็บเฉพาะหิมะและน้ำแข็งธรรมชาติที่ขนส่งมาจากยอดภูเขาอันห่างไกลเท่านั้น แต่ยังมีน้ำแข็งจากนาน้ำแข็ง ที่เก็บเกี่ยวได้ในค่ำคืนฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก มีหลักฐานแสดงว่ามีนาน้ำแข็งเเละโรงเก็บน้ำแข็งขนาดใหญ่ ในเปอร์เซียตั้งแต่สมัยโบราณ ในยุโรปและอินเดียก็มีการทำนาน้ำแข็งเหมือนกัน

เมื่อรู้จักใช้ประโยชน์จากหิมะและน้ำแข็งจากธรรมชาติ ตลอดจนการทำนาน้ำแข็ง ความพยายามที่จะทำน้ำแข็งขึ้นใช้เองย่อมติดตามมา การที่สารบางชนิด อาทิ เกลือ ดินประสิว แอมโมเนีย ฯลฯ เมื่อผสมกับหิมะหรือน้ำแข็งธรรมชาติแล้ว มี
คุณสมบัติสร้างความเย็น เป็นเรื่องรู้กันพอสังเขปมานาน แต่ยังไม่ได้ทดลองให้ได้ผลและประยุกต์
ใช้อย่างจริงจัง จวบจนกระทั่งถึงสมัยศตวรรษที่ 17 เทคนิคเยือกแข็งจากเกลือกับหิมะ จึงได้รับการ
ยอมรับกว้างขวางขึ้น การผลิตน้ำแข็งขึ้นเองเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นขุนนางและเศรษฐี โดย
เฉพาะอย่างยิ่ง การจำหลักน้ำแข็งทำเองเพื่อใช้ประดับบนโต๊ะอาหารและแช่ผลไม้ อย่างไรก็ตาม
สมัยนั้นอุตสาหกรรมการผลิตน้ำแข็งยังไม่เกิดขื้นเพราะน้ำแข็งธรรมชาติยังราคาถูกและหาง่าย ต่อ
เมื่อน้ำแข็งถุกใช้ในการถนอมอาหารสดเพื่อส่งไปขายในแดนไกลตามเงื่อนไขการคมนาคมที่เจริญมากขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 จึงเริ่มเกิด
อุตสาหกรรมทำน้ำแข็งขึ้นในสหรัฐอเมริกา ขยายตัวและแพร่ออกไปทั่วโลกในเวลาต่อมา เครื่องทำน้ำแข็ง
เครื่องแรกถูกสร้างขึ้นในทศวรรษ 1850 ต่อมาในออสเตรเลีย ปี ค.ศ. 1855 ก็สามารถสร้างเครื่องทำ
น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สามารถผลิตน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องสำหรับใช้ในโรงงานขึ้นเป็นเครื่องแรก ปี ค ศ
1916 จึงเริ่มผลิตตู้เย็นไฟฟ้าสำหรับใช้ตามบ้านเหมือนที่เราเห้นในปัจจุบันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น